วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

ประมวลภาพ วิชาการ 60









กิจกรรมวันวิชาการ 
 สนุกมาก ได้ความรู้ แม่จะเป็นครั้งสุดท้ายของผมที่รร.แห่งนี้
ผมก้มีความสุขมากครับ

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ไอตรีมมมมมมมม

10 สูตรทำไอศกรีมไม่ใช้เครื่อง เย็นฉ่ำรับซัมเมอร์แบบฟิน ๆ

สูตรทำไอศกรีม

          จะดีแค่ไหนถ้ามีไอศกรีมหวาน ๆ เย็น ๆ ติดตู้เย็นเอาไว้กินยามร่างกายอ่อนเพลียจากการทำงาน ถ้าซื้อกินก็ไม่อร่อยเท่าทำเอง จริง ๆ นะ

          อากาศร้อนขนาดนี้ จะมีอะไรดีกว่ากินไอศกรีมเย็น ๆ สักถ้วยให้ชื่นใจ แต่ไม่อยากจะออกพ้นหน้าบ้าน วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำสูตรการทำไอศกรีมง่าย ๆ แบบไม่ต้องใช้เครื่องมาฝากให้ทำกินเองกันที่บ้านเสียเลย 10 รสชาติ 10 แบบให้เลือกกันได้อย่างจุใจ พร้อมแล้วก็จดสูตรไปเลยจ้า
 


1. ไอศกรีมชาเขียว

          เริ่มต้นความเย็นชุ่มฉ่ำกันด้วยไอศกรีมชาเขียวสไตล์ญี่ปุ่นที่ใครจะไปรู้ว่าไม่ต้องมีเครื่องทำไอศกรีมก็สามารถทำได้ด้วย ถึงแม้เนื้อจะไม่เนียนละเอียดแต่ก็ช่วยให้คลายร้อนได้เพลิน ๆ แถมยังโปะถั่วแดงกวนลงไปด้วย เพลินล่ะ !

ส่วนผสม ไอศกรีมชาเขียว

          • นมข้นจืด 2+1/2 ถ้วย
          • เฮฟวี่ครีม 1/2 ถ้วย
          • ผงชาเขียวมัทฉะ 3 ช้อนโต๊ะ
          • ไข่แดง 2 ฟอง
          • น้ำตาลทรายละเอียด 1/2 ถ้วย
          • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
          • ถั่วแดงกวน (สำหรับเสิร์ฟ)

วิธีทำไอศกรีมชาเขียว

          1. ตีผสมนมข้นจืดและวิปปิ้งครีมให้เข้ากันในอ่างผสมด้วยตะกร้อมือ
          2. ใส่ผงชาเขียวมัทฉะลงไปคนผสมอีกครั้งให้เข้ากันดี พักไว้
          3. ตีผสมไข่แดงและน้ำตาลทรายให้เข้ากัน 
          4. เติมเกลือลงไปเล็กน้อยคนผสมให้เข้ากัน 
          5. เทส่วนผสมนมลงไปตีผสมให้เข้ากัน 
          6. เทส่วนผสมไอศกรีมลงในภาชนะ ปิดฝา นำเข้าแช่เย็นจนเริ่มแข็งตัว 
          7. นำออกมาใช้ส้อมขูดให้ทั่ว ปิดฝา จากนั้นก็นำเข้าแช่แข็งอีกทำแบบนี้สัก 2-3 ครั้ง 
          8. พอไอศกรีมแข็งตัวแล้วก็ตักเป็นลูกกลม ๆ ใส่ถ้วย โปะถั่วแดงลงไปตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

++++++++++++++++++++

สูตรทำไอศกรีม

2. ไอศกรีมวานิลลา

          ไอศกรีมรสชาติพื้นฐานที่ใคร ๆ ก็เคยกิน ถ้าอย่างนั้นก็ลองลงมือทำไอศกรีมรสวานิลลาแบบง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เครื่องเก็บติดไว้ในตู้เย็นสักหน่อยเอง พออากาศร้อนจัด ๆ ก็หยิบออกจากตู้ตักเข้าปากก็เย็นฉ่ำชื่นใจได้ทุกเวลาแล้ว

ส่วนผสม ไอศกรีมวานิลลา

          • ไข่ไก่ 2 ฟอง
          • ไข่แดง 4 ฟอง
          • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
          • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
          • ฝักวานิลลา 1 ฝัก
          • เฮฟวีครีม (Heavy Cream) 1 ถ้วย
          • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
          • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

อุปกรณ์

          • หม้อสำหรับตุ๋น
          • อ่างน้ำผสมน้ำแข็ง

วิธีทำ ไอศกรีมวานิลลา

          • 1. เตรียมหม้อสำหรับตุ๋น และอ่างน้ำผสมน้ำแข็ง เตรียมไว้
          • 2. ใส่ไข่ไก่ ไข่แดง น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย เกลือป่น และขูดเมล็ดวานิลลาลงในหม้อตุ๋น พร้อมฝักวานิลลา ตุ๋นนานประมาณ 10 นาที (หมั่นตีผสมบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ส่วนผสมแยกชั้น) ตีจนส่วนผสมเริ่มเหนียวและเป็นฟอง (ถ้าจะให้ดี ใช้เทอร์โมมีเตอร์จุ่มลงไปวัดความร้อนประมาณ 160 องศาเซลเซียส) จากนั้นยกลงจากเตา วางลงในอ่างน้ำแข็งทันที แล้วตักเอาฝักวานิลลาออก พักไว้จนเย็น
          • 3. ตีเฮฟวี่ครีมจนขึ้นฟู ใส่น้ำตาลทราย  2 ช้อนโต๊ะ และกลิ่นวานิลลาลงไป ตีผสมจนขึ้นฟูอีกครั้ง
          • 4. นำส่วนผสมคัสตาร์ดออกจากอ่างน้ำแข็ง แบ่งใส่วิปปิ้งครีมครั้งละ 1/3 ส่วน คนผสมให้เข้ากันจนหมด จากนั้นเทใส่พิมพ์ ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำเข้าแช่แข็งอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนเสิร์ฟ

+++++++++++++++++++

สูตรทำไอศกรีม

3. ไอศกรีมพาร์เฟ่ต์กราโนลา

          ชวนสาว ๆ รักหุ่นทั้งหลายมาทำเมนูไอศกรีมพาร์เฟ่ต์กราโนลา สูตรไอศกรีมแท่งไม่ใช้เครื่องจับโยเกิร์ตมิกซ์กราโนลา เพิ่มคุณค่าจากผลไม้ เสิร์ฟเป็นแท่งเย็นฉ่ำ เก๋ที่สุดในสามโลกบอกเลย สูตรจาก คุณเบสท์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

ส่วนผสม ไอศกรีมพาร์เฟ่ต์กราโนลา 

          • โยเกิร์ต 2 ถ้วย (ประมาณ 4 แท่ง)
          • ผลไม้ตามชอบ
          • กราโนล่า 60 กรัม (1 ถุง ทำได้ 4 แท่ง)
          • น้ำผึ้ง (ใช้นิดเดียวค่ะ)

          ป.ล. ผลไม้ใช้อะไรก็ได้นะคะ ผลไม้ไทย ๆ อย่างเงาะ ลำไย หรือสับปะรดก็ใช้ได้ค่ะ แต่เราอยากให้สีออกมาสวย ๆ กับเป็นคนชอบทานผลไม้เปรี้ยว ๆ เลยใช้แบบนี้ค่ะ

อุปกรณ์ 

          • พิมพ์ทำไอศกรีมแท่ง (ซื้อที่โลตัส 35 บาท)
          • ตู้เย็น

วิธีทำไอศกรีมพาร์เฟ่ต์กราโนลา

          1. ใส่โยเกิร์ตลงในแม่พิมพ์ ประมาณ 1 ใน 3 ของพิมพ์
          2. ใส่ผลไม้ลงไปตามใจชอบ (เคล็ดลับถ้าอยากให้เห็นสีสวย ๆ ต้องใส่ผลไม้ชิดด้านข้างค่ะ) จากนั้นใส่โยเกิร์ตลงไปจนเกือบเต็มแม่พิมพ์ เว้นที่ไว้ใส่กราโนลาด้านบน
          3. ใส่กราโนลารสที่ชอบลงไปให้เต็มพิมพ์
          4. ใส่น้ำผึ้งลงบนกราโนลาเล็กน้อย ปักไม้ไอศกรีมลงไปให้เรียบร้อย แช่ตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง
          5. เอาออกจากพิมพ์โดยเอาใส่ลงในกะละมังที่มีน้ำอุ่นแล้วค่อย ๆ แกะออกมา

++++++++++++++++++++

สูตรทำไอศกรีม

4. ไอศกรีมชาไทย


          ถ้าใครชอบกินชาเย็นหรือชาชักแบบเข้มข้นแต่รู้สึกว่ายังไม่ชื่นฉ่ำหัวใจพอ ต้องจับชาเย็นมาทำเป็นไอศกรีมชาเย็นแบบง่าย ๆ ตามสูตรที่เรานำมาฝากเลย ส่วนผสมแค่ 2 อย่าง แต่รับรองว่าเข้มข้น เด็ดโดนใจได้รสชาติแบบไทย ๆ ที่เราคุ้นเคย สูตรจาก คุณอ้อมกอดของความเหงา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ไอศกรีมชาไทย

          • น้ำชาเย็น 1+1/2 ถ้วย
          • วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย (หรือ Fresh Whipping Cream)

วิธีทำ ไอศกรีมชาไทย

          • 1. ต้มผงชากับน้ำ น้ำตาลทราย และใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย (เพื่อคสวามกลมกล่อม) 

          เคล็บลับ : ใครอยากได้สีเข้มหรือสีอ่อนแค่ไหนก็แล้วแต่จะใส่ผงชาลงไป มากหรือน้อยแค่ไหน แต่เราชอบสีเข้ม ๆหน่อยสวยดี

          • 2. ยกลงกรองเอากากชาออกพักให้เย็นแล้วนำไปแช่ในช่องแช่แข็งให้พอเป็นเกล็ดน้ำแข็ง          • 3. นำส่วนผสมออกจากช่องแช่แข็ง ใส่ลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ตามด้วยวิปปิ้งครีม ปั่นจนเนียนแล้วเทใส่ลงในภาชนะ นำเข้าแช่แข็ง แล้วนำออกมาอีกครั้ง ปั่นประมาณ 2-3 รอบให้ได้เนื้อเนียน
++++++++++++++++++++

สูตรทำไอศกรีม

5. ไอศกรีมอัญชัน

          ถ้าเดินไปเจอกับดอกอัญชันริมรั้วละแวกบ้านแนะนำให้เด็ดมาสัก 1 กำมือแล้วมาทำไอศกรีมอัญชันสีพาสเทลม่วงอมน้ำเงินอ่อน ๆ ได้ความเป็นไทย ที่เชื่อว่าหลายคนต้องยังไม่เคยลองแน่ ๆ แถมวิธีทำก็ง่าย ๆ แบบนี้ อย่ารอช้าค่ะ คั้นน้ำอัญชันเตรียมไว้เลย สูตรจาก คุณอ้อมกอดของความเหงา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

ส่วนผสม ไอศกรีมอัญชัน

          • ดอกอัญชันสดหรือแห้ง
          • น้ำ (สำหรับคั้นน้ำ)
          • น้ำตาลทราย (ตามชอบ)
          • เกลือ เล็กน้อย
          • วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย (สามารถเพิ่มวิปปิ้งครีมได้ จะได้เนื้อไอศกรีมที่มีความเข้มข้นขึ้นไปอีก)

วิธีทำ ไอศกรีมอัญชัน

          • 1. ต้มดอกอัญชันกับน้ำจนเดือด ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป รอจนเดือดอีกครั้ง (ชิมรสให้ออกหวานนิดนึงและสีเข้มมากน้อยก็ตามใจเลยค่ะ) ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นกรองเอาเฉพาะน้ำ เทใส่ภาชนะ จากนั้นนำเข้าช่องแช่แข็งให้เริ่มจับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
          • 2. นำเกล็ดน้ำแข็งอัญชันและวิปปิ้งครีมอย่างละ 1 ถ้วยใส่เครื่องปั่น ปั่นให้เข้ากัน (ใช้อัตราส่วน 1 : 1 หรือใครจะใส่วิปปิ้งครีมเพิ่มเพื่อให้เนื้อเนียนและเข้มข้นก็ได้) 
          • 3. เทส่วนผสมที่ปั่นแล้วใส่กล่องแล้วนำเข้าแช่แข็งจนเริ่มเป็นเกล็ดน้ำแข็ง จากนั้นนำออกมาปั่นอีกครั้ง เทใส่ภาชนะแล้วนำไปแช่จนถึงเวลารับประทาน
          • เคล็ดลับ : ถ้าอยากตักไอศกรีมแล้วละลายช้าและเป็นลูกสวย ให้นำที่จะตักไอศกรีมและถ้วยสำหรับใส่ไอศกรีมไปแช่ในช่องแข็ง และถ้าเป็นพวกถ้วยกระเบื้องหรือแก้วจะเก็บความเย็นดีมาก ไอศกรีมจะละลายช้า)
+++++++++++++++++++


สูตรทำไอศกรีม

6. ไอศกรีมแท่งชาเขียวถั่วแดง

          ลองมาดูทางฝั่งของไอศกรีมแท่งแบบง่าย ๆ กันบ้าง ลดสเกลความยากลงมาหน่อย เปิดประเดิมด้วยไอศกรีมแท่งชาเขียวเนื้อเข้มข้นหวานมัน แถมยังแอบซ่อนถั่วแดงกวนเอาไว้ด้านล่าง ได้อารมณ์เหมือนญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่สำคัญทำง่าย ๆ รีบไปขุดเอาพิมพ์ไอศกรีมแท่งมาล้างรอไว้ได้เลย สูตรจากเฟซบุ๊ก Rin Silpachai

ส่วนผสม ไอศกรีมแท่งชาเขียวถั่วแดง

          • ผงชาเขียวมัทฉะ 4 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำร้อน 3-4 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลทราย (หรือน้ำตาลทรายแดง,น้ำผึ้ง) 3 ช้อนโต๊ะ
          • นมข้นหวาน 5 ช้อนโต๊ะ
          • เฮฟวี่ครีม (หรือนมสด,นมถั่วเหลือง) 350 มิลลิลิตร (ประมาณ 1+1/2 ถ้วย)
          • ถั่วแดงญี่ปุ่นชนิดหวาน 1/3 ถ้วย
          • พิมพ์ไอศกรีมแท่ง
          • ไม้ไอศกรีม (แช่น้ำทิ้งไว้ 15 นาที)

วิธีทำ ไอศกรีมแท่งชาเขียวถั่วแดง

          • 1. ใส่ผงชาเขียวลงในถ้วยผสม (ถ้วยที่มีปากเพื่อเทลงพิมพ์ได้ง่ายขึ้น) ตามด้วยน้ำร้อน คนผสมให้ผงชาเขียวละลายจนไม่เป็นเม็ด
          • 2. เติมน้ำตาลทรายลงไป คนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย
          • 3. เติมนมข้นหวานลงไป คนผสมให้เข้ากัน
          • 4. เติมเฮฟวี่ครีมลงไป คนผสมให้เข้ากัน
          • 5. เทส่วนผสมลงพิมพ์ไอศกรีมจนเกือบเต็ม นำเข้าแช่แข็งประมาณ 1 ชั่วโมง
          • 6. พอไอศกรีมแข็งแล้วนำไอศกรีมออกจากช่องแข็ง ตักถั่วแดงใส่แล้วเสียบไม้ไอศกรีมลงไป นำไปแช่แข็งอีกครั้งประมาณ 5 ชั่วโมง แกะออกจากพิมพ์ (ถ้าแกะไม่ออกให้นำพิมพ์ไปผ่านน้ำอุ่นแล้วค่อย ๆ ดึงออก) พร้อมเสิร์ฟ

บัวลอย

7 สูตรบัวลอย 


สูตรบัวลอย

 1. บัวลอยไข่หวาน

          สูตรบัวลอยอันดับต้น ๆ ที่นึกถึงเลยคือ บัวลอยไข่หวาน สูตรนี้เนื้อแป้งใส่เผือก ฟักทอง และน้ำใบเตยลงไปด้วยทำให้ได้สีเม็ดบัวลอยจากธรรมชาติ หรือถ้าไม่สะดวกหาวัตถุดิบก็ใช้สีผสมอาหารแทนได้นะคะ บัวลอยเนื้อเหนียวนุ่มเข้ากันดีกับน้ำกะทิหวานหอม ยิ่งถ้ามีไข่หวานเคี้ยวสนุก ๆ ไปพร้อมกันด้วยแล้วละก็ อูย… ถูกใจใช่เลย !

 ส่วนผสม บัวลอยไข่หวาน

           แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
           น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
           เผือกนึ่งสุก (หรือสีผสมอาหารสีม่วง)
           ฟักทองนึ่งสุก (หรือสีผสมอาหารเหลือง)
           น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น (หรือสีผสมอาหารสีเขียว)
           น้ำกะทิ 1 ถ้วย
           น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
           เกลือป่น 1 ช้อนชา
           ไข่ไก่

 วิธีทำบัวลอยไข่หวาน

           1. แบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 นวดผสมแป้งกับน้ำเปล่าและเผือกนึ่งสุก ส่วนที่ 2 นวดแป้งกับน้ำเปล่าและฟักทองนึ่งสุก ส่วนที่ 3 นวดแป้งกับน้ำใบเตย นวดผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แล้วนำไปคลุกแป้งข้าวเหนียวบาง ๆ เตรียมไว้

           2. ใส่น้ำกะทิลงในหม้อ เติมน้ำตาลทรายและเกลือป่นคนผสมจนละลาย นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด รีบปิดไฟ เตรียมไว้

           3. ต้มน้ำเปล่าในหม้อจนเดือด นำบัวลอยลงต้มทีละสีจนลอยขึ้นมา จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำ ใส่ลงในถ้วย ตักกะทิที่เตรียมไว้ใส่ลงไป

           4. ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย ค่อย ๆ เทลงในหม้อน้ำกะทิ รอจนไข่สุกตามชอบ จากนั้นตักใส่ลงในถ้วยบัวลอย พร้อมเสิร์ฟ

 ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บัวลอยไข่หวาน สูตรขนมไทยในดวงใจ อร่อยไม่รู้ลืม


สูตรบัวลอย

 2. บัวลอยไข่หวานเม็ดแมงลัก

          บัวลอยไข่หวาน ขนมไทยใส่กะทิก็ว่าอร่อยแล้ว แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากเพิ่มความแนวลองใส่เม็ดแมงลัก ธัญพืชเพื่อสุขภาพลงไปสิคะ กลายเป็นเมนูใหม่ชื่อ บัวลอยไข่หวานเม็ดแมงลัก สูตรนี้ใช้แป้งบัวลอยสำเร็จรูปและกะทิสำเร็จรูป ทำง่ายเว่อร์ บัวลอยสีสวยกับเม็ดแมงลักเคี้ยวกรุบ ๆ เพิ่มออปชั่นอย่างมะพร้าวอ่อนลงไป พ่วงด้วยไข่หวาน ถ้วยเดียวคงไม่หนำใจต้องใส่ชามกันล่ะทีนี้

 ส่วนผสม บัวลอยไข่หวานเม็ดแมงลัก

           แป้งบัวลอยสำเร็จรูป 250 กรัม
           น้ำเปล่า (สำหรับต้มบัวลอย)
           กะทิสำเร็จรูป 1,000 กรัม
           น้ำตาลทราย 160 กรัม
           น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
           เกลือป่น 1 ช้อนชา
           ใบเตยหอม (ล้างสะอาด)
           ไข่ไก่
           มะพร้าวอ่อน (หั่นเป็นชิ้น ๆ) 200 กรัม
           เม็ดแมงลัก

 วิธีทำบัวลอยไข่หวานเม็ดแมงลัก

สูตรบัวลอย
           1. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อนำขึ้นตั้งไฟปานกลางรอจนน้ำเดือดพล่านแล้วใส่เม็ดบัวลอยลงไปต้มจนลอยขึ้นมาประมาณ 1 นาที จากนั้นปล่อยทิ้งไว้อีก 30 วินาที

           2. ตักเม็ดบัวลอยที่สุกแล้วลงแช่ในน้ำเย็นสักครู่ ตักขึ้นมาพักไว้

           3. ใส่กะทิลงในหม้อนำขึ้นตั้งไฟ เติมน้ำตาลทรายลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือป่น และใบเตยคนผสมจนน้ำตาลละลาย

           4. ตอกไข่ไก่ลงไปต้มในกะทิจนสุก ตักขึ้นใส่ถ้วยพักไว้

สูตรบัวลอย
           5. ใส่เม็ดบัวลอยต้มสุกลงไปในกะทิคนผสมให้เข้ากัน ใส่มะพร้าวอ่อนลงไป

           6. ตักบัวลอยน้ำกะทิใส่ถ้วย เตรียมไว้

           7. แช่เม็ดแมงลักในน้ำจนพอง

           8. ตักเม็ดแมงลักโรยลงในถ้วยบัวลอย พร้อมเสิร์ฟ

 ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บัวลอยไข่หวานเม็ดแมงลัก เมนูเดิมเพิ่มเติมคุณประโยชน์

สูตรบัวลอย

 3. บัวลอยผัก บัวลอยดอกไม้

          โอ้โห ! บัวลอยผัก บัวลอยดอกไม้สูตรนี้จากนิตยสาร Foodstylist สูตรนี้มาพร้อมความแปลกแป้งบัวลอยมีส่วนผสมของผักและดอกไม้ แต่อร่อยลงตัวนะคะ แป้งบัวลอยทำจากผักและดอกไม้ แหม... เจ๋งจริง คิดได้อย่างไรเนี่ย ชักคันไม้คันมือ ขอตัวไปซื้อส่วนผสมก่อนนะคะ

 ส่วนผสม บัวลอยผัก

           แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย (ต่อผัก 30 กรัม)
           น้ำอุ่น 1/8 ถ้วย
           เผือกต้ม 30 กรัม
           ฟักทองต้ม 30 กรัม
           แครอทต้ม 30 กรัม

 วิธีทำบัวลอยผัก

           แบ่งแป้งข้าวเหนียวผสมน้ำอุ่นเป็น 3 ส่วน นำแต่ละส่วนไปผสมกับน้ำอุ่น และเนื้อฟักทอง เผือกต้ม และแครอทต้ม (แยกใส่เพื่อให้ได้สีตามต้องการ) นวดรวมผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ ตามต้องการ

 ส่วนผสม บัวลอยดอกไม้

           แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง (ต่อน้ำดอกไม้ 1/4 ถ้วย)
           น้ำใบเตย 1/4 ถ้วย
           น้ำอัญชัน 1/4 ถ้วย
           น้ำกุหลาบ 1/4 ถ้วย

 วิธีทำบัวลอยดอกไม้

           แบ่งแป้งข้าวเหนียวผสมน้ำอุ่นเป็น 3 ส่วน นำแต่ละส่วนไปผสมน้ำใบเตย น้ำกุหลาบ และน้ำดอกอัญชัน (แยกใส่เพื่อให้ได้สีตามต้องการ) จากนั้นคลุกเคล้าและนวดรวมผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ ตามต้องการ

 ส่วนผสม น้ำกะทิ (สำหรับ 4 ที่)

           หัวกะทิ 500 มิลลิลิตร
           หางกะทิ 300 มิลลิลิตร
           น้ำตาลทราย 250 กรัม
           เกลือป่น  2 ช้อนชา

 วิธีทำน้ำกะทิ

           นำส่วนผสมทั้งหมดใส่หม้อแล้วตั้งไฟพอเดือด หรือจนน้ำตาลละลายเป็นอันใช้ได้

 วิธีต้มบัวลอย

           เมื่อได้แป้งบัวลอยสีตามต้องการแล้วให้นำไปคลุกกับแป้งข้าวเหนียวบาง ๆ แล้วนำไปต้มในน้ำเดือด วิธีการสังเกตความสุก ถ้าแป้งบัวลอยสุกจะลอยขึ้นมา ตักใส่ชาม ราดด้วยน้ำกะทิอุ่นที่เตรียมไว้พอท่วม ถ้ามีเนื้อมะพร้าวอ่อนใส่ลงไปด้วยก็อร่อยมากยิ่งขึ้น

 ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บัวลอยไข่หวาน สูตรขนมไทยหวานละมุน ทำง่ายกว่าที่คิด


สูตรบัวลอย

 4. บัวลอยมันม่วงญี่ปุ่น

          ถ้าหากใครรักเดียวใจก็ต้องเลือกบัวลอยสีเดียวสิเนอะ เกี่ยวกันไหมเนี่ย เอาล่ะ… อยากให้ลองทำบัวลอยมันม่วงญี่ปุ่นสูตรจากนิตยสารแม่บ้าน จับมันญี่ปุ่นมาทำเป็นเม็ดบัวลอย มีความหอมหวานมันจากกะทิ แม้จะมีสีเดียวแต่ก็ดูสวยดีเหมือนกันนะเนี่ย เดี๋ยวอ้อนคุณแฟนทำให้กินดีกว่า

 ส่วนผสม บัวลอยมันม่วงญี่ปุ่น

           แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
           มันญี่ปุ่น (นึ่งสุกและบดละเอียด) 1/2 ถ้วยตวง
           น้ำร้อน 6 ช้อนโต๊ะ
           แป้งข้าวเหนียว (สำหรับทำแป้งนวล)
           น้ำเปล่า (สำหรับต้มเม็ดแป้ง)
           น้ำเย็น (สำหรับแช่เม็ดแป้ง)
           กะทิ (ความเข้มข้นปานกลาง) 2 ถ้วยตวง
           น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
           น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
           เกลือป่นหยาบ 3/4 ช้อนชา
           เนื้อมะพร้าวเผา (หั่นเป็นเส้น) 1/2 ถ้วยตวง
           ใบเตย 2 ใบ
           หัวกะทิ 1/4 ถ้วยตวง

 วิธีทำบัวลอยมันม่วงญี่ปุ่น

           1. ผสมแป้งข้าวเหนียว มันญี่ปุ่นบดละเอียด และน้ำร้อนเข้าด้วยกัน นวดจนเนียนและสามารถปั้นเป็นก้อนได้

           2. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1/2 เซนติเมตร โรยแป้งนวลเล็กน้อย (เพื่อไม่ให้แป้งติดกัน)

           3. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด นำเม็ดแป้งลงต้มจนสุกลอยขึ้นมา ตักขึ้นไปแช่น้ำเย็นพอคลายความร้อน เสร็จแล้วตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ

           4. ใส่กะทิลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย เกลือป่น เนื้อมะพร้าวเผา และใบเตยลงไปต้มพอเดือด เติมหัวกะทิลงไป

           5. ใส่แป้งบัวลอยลงในหม้อคนให้เข้ากัน พอเดือดเล็กน้อยยกลง ตักใส่ถ้วย จัดเสิร์ฟ

 ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมบัวลอยมันม่วงญี่ปุ่น ขนมไทยคิดนอกกรอบ ทำง่ายปั้นสนุกมือ


สูตรบัวลอย

 5. บัวลอยสาคู

          บัวลอยทั่วไปเป็นเม็ดกลม ถ้าใครอยากกินบัวลอยแบบอินดี้ขอแนะนำบัวลอยสาคูสูตรจากคุณเนินน้ำ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใช้สาคูแทนแป้งบัวลอย เพิ่มสีสันจากน้ำดอกอัญชัน ตบท้ายด้วยแปะก๊วยสีเหลืองอร่าม บัวลอยถ้วยนี้ดูดีไฮโซจริง ๆ

 ส่วนผสม บัวลอยสาคู (สูตรนี้ทำได้ประมาณ 20 ถ้วย)

           สาคูเม็ดเล็ก 500 กรัม
           น้ำร้อนจัด 1 1/4 ถ้วย
           แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
           น้ำดอกอัญชัน (หรือสีผสมอาหารสีม่วงเล็กน้อย)
           หัวกะทิ 7 ถ้วย
           หางกะทิ 3 ถ้วย
           น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
           เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ
           แปะก๊วยต้มสุก

 วิธีทำบัวลอยสาคู

สูตรบัวลอย
           1. ใส่สาคูลงในอ่างผสม ค่อย ๆ ใส่น้ำร้อนลงไปแล้วนวดให้เข้ากันจนน้ำหมด ใส่สีผสมอาหารสีม่วงเล็กน้อย

           2. ใส่แป้งมันสำปะหลังลงไปนวดให้เข้ากันดี

           3. คลึงเป็นแผ่นแล้วใช้มีดตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร

           4. เคล้าแป้งมันสำปะหลังให้ทั่วเพื่อไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อน

สูตรบัวลอย

           5. ต้มน้ำให้เดือด ใส่สาคูลงต้มจนสุกลอย ตักขึ้นล้างน้ำเย็น

สูตรบัวลอย

           6. ใส่หัวกะทิและหางกะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง หมั่นคนจนเดือด

           7. จากนั้นใส่น้ำตาลทรายและเกลือสมุทรลงไป หมั่นคนอยู่เสมอ พอเดือดอีกครั้งชิมรสให้หวานนำและเค็มปะแล่ม

           8. ปิดไฟ ใส่สาคูต้มและแปะก๊วยต้มสุกลงไป ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

 ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สาคูบัวลอยแปะก๊วย ขนมไทยร้อน ๆ ไอเดียใหม่


สูตรบัวลอย

 6. บัวลอยน้ำขิง

          เอาใจสาว ๆ รักสุขภาพด้วยสูตรบัวลอยน้ำขิงจากคุณ Three days before Valentine's สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ใส่น้ำขิงรสชาติเผ็ดร้อน แป้งบัวลอยสอดไส้งาดำ อยากชวนมาอร่อยกับบัวลอยคำโตกันเยอะ ๆ นะคะ

 ส่วนผสม ไส้งาดำ

           น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
           งาดำป่น 1 ถ้วย
           เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม

 ส่วนผสม แป้งบัวลอย

           แป้งข้าวเหนียว (ตราช้างสามเศียร) 1 ถ้วย
           แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
           น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
           ผงแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อย

 ส่วนผสม น้ำขิง

           น้ำเปล่า 5 ถ้วย
           ขิงแก่เผาไฟ 3 - 4 ชิ้น
           น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
           เกลือ 1/2 ช้อนชา

 วิธีทำบัวลอยน้ำขิง

สูตรบัวลอย

           1. เริ่มทำไส้ขนม โดยเทน้ำตาลทรายใส่อ่างผสม ตามด้วยงาดำป่น

           2. ใส่เนยถั่วตามลงไปค่ะ

           3. คลุกส่วนผสมให้เข้ากันค่ะ ถ้าไม่ชอบหวาน ลดน้ำตาลได้นะคะ

           4. ลงมือปั้นเป็นลูกกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. จากนั้นนำไปแช่ช่องแข็ง เตรียมไว้

สูตรบัวลอย

           5. มาทำแป้งบัวลอยสำหรับห่อขนมค่ะ เทแป้งข้าวเหนียวและแป้งถั่วเขียวลงใส่อ่างผสมค่ะ ตามด้วยน้ำเปล่า นวดจนแป้งเนียนแล้วลองปั้นดูค่ะ ถ้ามีรอยแป้งแตกให้เติมน้ำได้เล็กน้อยค่ะ ถ้าเรียบร้อยแล้วเราไปต้มน้ำขิงกันต่อเลยค่ะ

สูตรบัวลอย
           6. ปอกขิงที่เผาไฟสัก 2-3 ชิ้น จะฝานเป็นแผ่น หรือทุบเล็กน้อยก็ได้ค่ะ ต้มน้ำให้เดือด ใส่ขิงลงไป ตามด้วยน้ำตาลอ้อยแล้วปล่อยให้เดือดสัก 5 นาที ยกลง

สูตรบัวลอย
           7. ปั้นแป้งกลม ๆ แล้วกดให้แบน ใช้มือแตะผงแป้งข้าวเหนียวเพื่อไม่ให้แป้งปั้นติดมือนะคะ

           8. วางไส้ขนมลงไปตรงกลางแผ่นแป้งห่อให้มิดชิดค่ะ เวลาต้มไส้จะได้ไม่แตก

           9. ห่อเรียบร้อยแล้วนำไปคลุกกับผงแป้งข้าวเหนียว เพื่อขนมจะได้ไม่ติดกันค่ะ

           10. ปั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนไส้ขนมหมดนะคะ อย่าห่อแป้งหนามาก เวลารับประทานจะต้องอ้าปากกว้างเห็นลิ้นไก่นะคะ

สูตรบัวลอย
           11. เมื่อปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วนำหม้อน้ำขิงขึ้นตั้งไฟ พอน้ำขิงเดือด นำขนมลงต้มทันทีค่ะ เมื่อขนมสุก ตัวขนมจะลอยขึ้นเหนือน้ำ

สูตรบัวลอย

           12. ตักใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟ

 ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บัวลอยน้ำขิง ของหวานเพื่อสุขภาพร้อน ๆ จ้า


สูตรบัวลอย

 7. บัวลอยไมโครเวฟ

          เด็กหอ หรือมนุษย์คอนโดถ้าอยากทำบัวลอยกินเองแต่อุปกรณ์ไม่ครบก็จบเนอะ แต่สำหรับสูตรบัวลอยที่เรายกตัวอย่างมานี้ไม่ต้องใช้หม้อต้มให้วุ่นวาย แค่มีไมโครเวฟก็พอแล้วค่ะ ขอนำเสนอบัวลอยไมโครเวฟ ทุกขั้นตอนทำด้วยไมโครเวฟ เม็ดบัวลอยหลากสีอีกด้วย อยากรู้ว่าทำอย่างไรต้องลองเองค่ะ

 ส่วนผสม บัวลอยไมโครเวฟ

           แป้งข้าวเหนียว 350 กรัม
           ฟักทอง (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 100 กรัม
           น้ำเปล่า (สำหรับต้มฟักทอง)
           เผือก (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 100 กรัม
           น้ำเปล่า (สำหรับต้มเผือก)
           น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 100 มิลลิลิตร
           กะทิสำเร็จรูป 2 ถ้วยตวง
           น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
           เกลือป่น 1/2 ถ้วยตวง

 วิธีทำบัวลอยไมโครเวฟ

           1. ใส่ฟักทองลงในถ้วยกระเบื้อง เติมน้ำเปล่าให้ท่วม จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรงประมาณ 5 นาที จนฟักทองสุก เตรียมไว้

           2. ใส่เผือกลงในถ้วยกระเบื้อง เติมน้ำให้ท่วม จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรงประมาณ 5 นาที จนเผือกสุก เตรียมไว้

           3. แบ่งแป้งข้าวเหนียวเป็น 3 ส่วน แล้วนำไปผสมกับฟักทองต้มสุก ผสมกับเผือกต้มสุก และผสมกับน้ำใบเตย นวดให้เข้ากันจนแป้งเปลี่ยนสี จากนั้นปั้นแป้งแต่ละสีเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ เตรียมไว้

           4. ใส่น้ำเปล่าลงในถ้วยกระเบื้องนำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรง ต้มน้ำจนเดือด นำถ้วยออกจากเตา จากนั้นใส่เม็ดบัวลอยทั้งหมดลงในน้ำเดือดแล้วนำกลับเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรง ต้มนานประมาณ 5 นาที จนเม็ดบัวลอยสุก และลอยขึ้น นำออกจากเตา ตักบัวลอยพักทิ้งไว้ในน้ำเย็น

           5. คนผสมกะทิ น้ำตาลปี๊บ และเกลือเข้าด้วยกัน นำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรงประมาณ 3-5 นาที นำออกจากเตา เติมเม็ดบัวลอยลงในกะทิ นำกลับเข้าเตา ต้มนานประมาณ 2 นาที นำออกจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

 ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บัวลอยไมโครเวฟ ขนมหวานแบบไทยทำได้ง่าย ๆ

          สูตรบัวลอย 7 สไตล์นี้เลือกมาเพื่อเอาใจสาวกขนมไทยกันจริง ๆ แม้อุปกรณ์ไม่ครบก็ใช้ไมโครเวฟทำกินอร่อย ๆ ได้เหมือนกัน ทั้งนี้เพื่อน ๆ สามารถสร้างสรรค์เม็ดบัวลอยจากผัก ดอกไม้ หรือสีผสมอาหารก็ได้ ใช้น้ำกะทิสด หรือน้ำกะทิสำเร็จรูปก็แล้วแต่ เอาตามสะดวกเลยค่ะ ทุกอย่างพลิกแพลงได้หมดไม่มีอะไรตายตัว เอ้า... เข้าครัวกันได้แล้วค่ะ